(จับตานิวเคลียร์ ฉบับที่ 18, พ.ย.-ธ.ค. 2555)
ธันวาคม 2555, นายโตชิมิตสุ โมเตกิ
รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมญี่ปุ่นเปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า
รัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดสรรงบประมาณพิเศษหลายหมื่นล้านเยนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายใน
การวิจัยและพัฒนาวิธีการรื้อถอนเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ
งบประมาณก้อนนี้เป็นเงินก้อนที่สอง
หลังจากที่รัฐบาลชุดก่อนได้อนุมัติงบประมาณ 2,000 ล้านเยน (25
ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อใช้ในการศึกษาวิธีการรื้อถอนเตาปฏิกรณ์อย่างปลอดภัย
นายโมเตกิกล่าวว่า
“เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องเร่งดำเนินการรื้อถอนเตาปฏิกรณ์ฟูกูชิมะ
โดยรัฐบาลจะแสดงบทบาทอย่างเต็มกำลัง
รวมทั้งการใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด”
ในการรื้อถอนเตาปฏิกรณ์ทั้ง 4 เครื่องที่ฟูกูชิมะ
บริษัทเท็ปโกได้ตั้งงบประมาณไว้ 1 ล้านล้านเยน (12,500 ล้านเหรียญ)
ตามแผนการรื้อถอนที่มีกำหนดระยะเวลา 40 ปี
การรื้อถอน
หรือ “decommissioning”
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีความหมายรวมตั้งแต่การปลดระวางโรงไฟฟ้า
การรื้อถอนเตาปฏิกรณ์
บำบัดและจัดเก็บกากนิวเคลียร์ทั้งหลายเข้าสู่ภาชนะป้องกันที่มีความปลอดภัย
ไปจนถึงการทำความสะอาดและฟื้นฟูสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัยจากการปนเปื้อนรังสี
ซึ่งสำหรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงแล้ว
ถือเป็นเรื่องที่ยากมาก
ตามแผนการที่วางไว้
อันดับแรกคือการซ่อมแซมอาคารเครื่องปฏิกรณ์ที่ยังมีการรั่วไหลของรังสี
ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 6 ปี
จากนั้นจึงทำการระบายน้ำปนเปื้อนรังสีออกจากอาคารติดตั้งเครื่องปฏิกรณ์และ
อาคารเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ซึ่งใช้เวลาอีก 2 ปี อย่างไรก็ตาม
แผนการนี้กำหนดขึ้นด้วยข้อมูลที่ไม่มีความชัดเจนนัก
เพราะขณะนี้ยังไม่มีใครทราบเลยว่าจุดรั่วไหลอยู่ตรงไหน
เมื่อดำเนินการขั้นแรกสำเร็จ
สิ่งที่ต้องทำต่อมาคือการเคลื่อนย้ายแท่งเชื้อเพลิงที่หลอมละลายออกจากเตา
ปฏิกรณ์ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด
เพราะแท่งเชื้อเพลิงที่หลอมละลายอยู่ในสภาพกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้น
น้อยอยู่ที่บริเวณฐานของเตาปฏิกรณ์ ขั้นตอนนี้คาดว่าจะเริ่มหลังจากปี 2565
ไปแล้ว
ซึ่งในระหว่างนี้จะต้องมีการพัฒนาหุ่นยนต์ที่สามารถเข้าไปปฏิบัติงานใน
พื้นที่อันตรายแทนมนุษย์ให้สำเร็จ
รวมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีในการอุดรอยรั่วที่จมอยู่ใต้น้ำปนเปื้อนรังสีด้วย
การเคลื่อนย้ายแท่งเชื้อเพลิงที่หลอมละลายออกจากเตาปฏิกรณ์ทั้งสามต้องใช้
เวลาถึง 25 ปี (พ.ศ.2579)
หลังจากนั้นจึงจะสามารถรื้อถอนอาคารเครื่องปฏิกรณ์และฟื้นฟูสภาพแวดล้อมได้
โดยบริษัทเท็ปโกคาดว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจะตกประมาณ 1 ล้านล้านเยน
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายคาดว่าค่าใช้จ่ายน่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในอนาคต
แม้ว่าอุบัติเหตุฟูกูชิมะจะมีความร้ายแรงน้อยกว่ากรณีของเชอร์โนบิล
แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว
การแก้ไขปัญหาที่เชอร์โนบิลกลับใช้วิธีการที่ง่ายกว่ามาก
โดยการก่อสร้างเกราะคอนกรีตหนาครอบเตาปฏิกรณ์ที่เสียหายและอพยพประชาชนออก
จากพื้นที่อย่างเป็นการถาวร
แต่สำหรับญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่ขาดแคลนที่ดินและประชาชนมีความรู้สึก
ผูกพันกับที่ดินอย่างลึกซึ้งแล้ว
การกอบกู้ที่ดินเพื่อให้ประชาชนกลับเข้าไปอาศัยอยู่ได้อย่างปลอดภัยคือเป้า
หมายของแผน
“เราจะต้องใช้ความพยายามอย่างที่สุดที่จะกำจัดการปนเปื้อนของรังสี
และฟื้นฟูสภาพของทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถจะฟื้นฟูได้
เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับเข้าไปอาศัยอยู่ได้อีกครั้ง” นายโกชิ โฮโซโนะ
รัฐมนตรีอุบัติเหตุนิวเคลียร์ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ
“เพื่อที่จะฟื้นฟูสภาพสิ่งต่างๆ ให้กลับคืนมา เราต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยี
และจะสละงบประมาณจำนวนมากให้กับอะไรก็ตามที่จะทำให้มันสำเร็จ”
นอกจากแผนการรื้อถอนโรงไฟฟ้าแล้ว
รัฐบาลยังมีแผนที่จะกำจัดการปนเปื้อนรังสีในเมือง ถนน สวนสาธารณะ และอื่นๆ
ซึ่งต้องใช้งบประมาณอีก 1 ล้านล้านเยน
ไม่มีใครรู้ว่าต้นทุนที่แท้จริงในการจัดการปัญหาฟูกูชิมะจะมากเท่าไหร่
แต่ที่เห็นได้ชัดก็คือ
ประชาชนผู้เสียภาษีจะต้องร่วมแบกรับภาระทางการเงินก้อนมหึมานี้ต่อไปจนชั่ว
ลูกชั่วหลาน
ที่มา :
- Motegi: Budget earmarked to decommission Fukushima nuclear reactors, ajw.asahi.com, 29 Dec., 2012
- Japan Plots 40-Year Nuclear Cleanup, online.wsj.com, 22 Dec., 2011
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น